การตัดไม้ทำลายป่าให้ผลเสียมากกว่าที่คิด
เมื่อประมาณ 60 ปีก่อน ในปีพ.ศ.2503-2504 ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงมีความห่วงใยปัญหาการตัดไม้ทำลายป่าที่เพิ่มมากขึ้นเพราะการเข้ามาลงทุนของภาคเอกชนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ป่าทึบหลายแห่งโดนทำลาย ส่งผลให้เกิดภาวะแห้งแล้งสะสมเรื่อยมา ฝนไม่ตกตามฤดูกาล อีกทั้งเมื่อฝนตกหนักก็ทำให้เกิดน้ำหลากท่วมเข้าทำลายผิวหน้าดิน ส่งผลเสียหายในภาคเกษตรกรรม ราษฎรเพาะปลูกไม่ได้ ไม่มีผลผลิต สิ่งที่ตามมาก็คือไม่มีรายได้มาจุนเจือ ชาวนาชาวไร่ก็ยากจนลง ทั้งหมดเป็นห่วงโซ่ที่กระทบต่อกันเป็นทอดๆ
ในเวลานั้น ในหลวงรัชกาลที่ 9 จึงทรงมีพระราชดำริก่อตั้งโครงการต่างๆเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาในภาคเกษตรกรรม และการปลูกพืชทดแทนในส่วนที่เสียไป จึงช่วยฟื้นฟื้นที่หลายแห่งกลับมาได้ แต่มาจนมาวันนี้ การตัดไม้ทำลายป่าก็ยังไม่ได้ลดลง ยังไม่ต้องนับถึงการลงทุนของภาคเอกชน แต่ยังรวมถึงพวกลักลอบตัดไม้ทำลายป่าด้วย แม้จะมีการก่อตั้งเขนอนุรักษ์ป่าไม้หลายแห่ง แต่การรุกรานทำลายก็ยังมีมากขึ้น ยังส่งผลกระทบไปถึงระบบนิเวศน์ของป่า โดยเฉพาะสัตว์ป่าที่ลดจำนวนลงไปด้วย
แล้วการตัดไม้ทำลายป่าจะส่งผลเสียอะไรบ้าง
§ เกิดสภาวะโลกร้อน หรือที่เรียกกันว่า ภาวะเรือนกระจก นี่เป็นหนึ่งในหัวข้อหลักระดับโลก ได้มีการรณรงค์มานานหลายปี มีกรณีระดับโลกจากสารคดีของ นายอัลกอร์ อดีตผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ได้พยายามชี้ให้เห็นถึงผลกระทบของการทำลายธรรมชาติว่าจะส่งผลต่อการก่อมลพิษและภาวะโลกร้อนอย่างไรบ้าง หากยังนิ่งนอนใจต่อไป สภาพบรรยากาศของทั้งโลกก็ยากจะแก้ไขได้
§ การชะล้าง พลังทลายของหน้าดิน ส่งผลต่อชาวนาและภาคเกษตรกรรมที่เป็นหัวใจหลักของประเทศไทยโดยตรง
§ น้ำท่วม น้ำหลาก ใครยังจำกันได้กับเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในหลายจังหวัด เมื่อปีพ.ศ.2554 ต้นเหตุก็มาจากการตัดไม้ทำลายป่ามากเกินไป แล้วไม่ได้มีการปลูกป่าทดแทนเพื่อป้องกันน้ำหลาก เพราะป่าที่โดนทำลายนั้นอยู่บนเส้นทางน้ำ
§ คุณภาพของน้ำแย่ลงเรื่อยๆ เพราะเมื่อเกิดน้ำหลาก ก็จะพัดพาเอาดิน โคลน ตะกอน ไหลลงสู่แหล่งน้ำที่เป็นเส้นชีวิตของชุมชน
§ ปัญหาความแล้ง เพาะปลูกไม่ได้ สภาพดินเสียความอุดมสมบูรณ์ บรรยากาศร้อน เกิดการระเหยของน้ำจากผิวดิน ส่วนการดูดซึมน้ำต่ำลง
§ ระบบนิเวศน์ของป่า สัตว์ป่า ได้รับความเสียหาย นอกเหนือจากสัตว์ป่าแล้ว ยังรวมถึงของป่า พืช สมุนไพร หลายชนิดมีโอกาสสูญพันธุ์
ที่แจงมานี้ คือข้อเสียเท่าที่พบในเบื้องต้น ที่น่ากลัวมากคือ มันจะกระทบต่อกันเป็นเหมือนลูกโซ่ เมื่อเกิดสิ่งหนึ่ง อีกสิ่งก็จะตามมาด้วย แต่ทั้งที่รู้กันเช่นนี้แล้ว ปัญหาการตัดไม้ทำลายป่าก็ดูเหมือนจะไม่ลดลง สิ่งที่เราพอจะช่วยกันได้คือ ไม่สนับสนุนการตัดไม้ทำลายป่า ปลูกฝังความรู้ต่อไปให้ลูกหลาน